โปรดอัพเกรดเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ
ท่านกำลังใช้เบราว์เซอร์ที่เราไม่รองรับ หากต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดในเว็บไซต์ของเรา เราขอแนะนำให้ท่านอัปเกรดเบราว์เซอร์เวอร์ชันใหม่ - โปรดดู #checkholder# ของเรา

สุขภาพและความปลอดภัยสำหรับการเดินทาง

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า หากท่านมีสภาวะด้านสุขภาพ และดูวิธีการที่เราสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้โดยสารของเรา

ข้อแนะนำด้านสุขภาพในระหว่างเที่ยวบิน

การเดินทางด้วยเครื่องบินไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้โดยสารส่วนใหญ่ แต่ก่อนเดินทางกับเที่ยวบินใดเที่ยวบินหนึ่งของเรา ท่านอาจจะต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเป็นไปได้ของเรื่องดังต่อไปนี้

ผู้โดยสารที่เดินทางไปยังเมืองปลายทางในเขตเวลาต่างๆ ที่มีระยะทางไกลห่างจากเมืองต้นทางมาก อาจประสบภาวะอ่อนเพลียจากการเดินทาง (Jet Lag) เนื่องจากระบบนาฬิกาภายในร่างกายเราสามารถปรับเวลาได้ด้วยตัวเองได้เพียง 1 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ในคนส่วนใหญ่ วงจรหลับ-ตื่นมีแนวโน้มที่จะใช้เวลานานกว่า 24 ชั่วโมงเล็กน้อย นี่คือเหตุผลที่ผู้คนส่วนใหญ่มีปัญหาเวลาเดินทางไปฝั่งตะวันตก (ช่วงวันนานขึ้น) น้อยกว่าผู้ที่เดินทางไปฝั่งตะวันออก (ช่วงวันสั้นลง) อาการที่พบบ่อยที่สุดของภาวะอ่อนเพลียจากการเดินทาง คือปัญหาเรื่องอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และเบื่ออาหาร

ทั้งนี้ ไม่มีวิธีการรักษาอาการอ่อนเพลียจากการเดินทางดังกล่าว แต่เราขอแนะนำให้ท่านลองทำตามวิธีต่อไปนี้เพื่อลดความรุนแรงของอาการ:

  • ภาวะอ่อนเพลียจากการเดินทางอาจจะแย่ลงได้หากท่านนอนหลับไม่เพียงพอก่อนการเดินทาง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการนอนพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเที่ยวบินของท่าน
  • หากท่านเดินทางระยะสั้น (48 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้น) อาจเป็นการดีกว่าที่ท่านจะยึดเวลาตามเวลาบ้านเกิดของท่าน แทนที่จะพยายามปรับตามเวลาท้องถิ่นของปลายทาง
  • ทานอาหารเบาๆ ที่ย่อยง่ายเมื่อถึงเวลารับประทานอาหารของพื้นที่ปลายทางนั้น
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีนเป็นเวลา 4 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอนเพื่อป้องกันการนอนหลับไม่สนิท
  • พยายามนอนหลับในเวลากลางคืนตามเวลาท้องถิ่น และหาเวลางีบสั้นๆ ในระหว่างวันหากรู้สึกง่วง
  • สำหรับการเดินทางไปทางตะวันตก การได้รับแสงสว่างในช่วงใกล้ค่ำจะช่วยชะลออาการเริ่มง่วงนอนได้
  • สำหรับการเดินทางไปทางตะวันออก การได้รับแสงสว่างยามเช้าตรู่จะช่วยทำให้ง่วงมากขึ้นในเวลาหัวค่ำ

รังสีคอสมิกเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของรังสีที่เกิดจากดวงอาทิตย์และจักรวาลนอกระบบสุริยะ ชั้นบรรยากาศและสนามแม่เหล็กของโลกเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการปกป้องโลกจากรังสีคอสมิก ผู้ที่เดินทางโดยเครื่องบินอาจจะได้รับสัมผัสจากรังสีมากขึ้น เนื่องจากชั้นบรรยากาศของโลกให้การปกป้องจากรังสีคอสมิกได้น้อยลงที่ระดับความสูงสำหรับการบินของเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป เมื่อเส้นทางการบินขยับออกห่างจากเส้นศูนย์สูตรจะเพิ่มโอกาสสัมผัสรังสีชนิดนี้มากขึ้น ดังนั้นปริมาณรังสีจะแตกต่างกันไปในเที่ยวบินต่าง ๆ โดยจะขึ้นอยู่กับเมืองต้นทาง เมืองปลายทาง เส้นทาง รูปแบบระดับการบิน และแสงจากดวงอาทิตย์ในช่วงเวลานั้น ๆ

ทุกคนมีโอกาสสัมผัสรังสีพื้นหลังในระดับน้ำทะเล ซึ่งอาจจะมาจากสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น อาหารและเครื่องดื่ม การสัมผัสในทางการแพทย์ หรือวัสดุก่อสร้าง รังสีอาจเป็นอันตรายได้เมื่อได้รับในปริมาณสูง อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่ได้รับที่ระดับการบินในเที่ยวบินต่างๆ นั้นจัดว่าอยู่ในระดับต่ำ ลูกเรือและผู้โดยสารที่เดินทางเป็นประจำจะมีการสัมผัสเพิ่มเติม เนื่องจากเวลาที่กลุ่มคนเหล่านี้ใช้ในการเดินทางบนระดับความสูงมากกว่า

 

ผลกระทบต่อสุขภาพจากรังสีคอสมิก

โรคมะเร็งคือปัญหาหลักด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับรังสีไอออไนซ์ในปริมาณต่ำ เนื่องการเดินทางโดยยเครื่องบินจะเพิ่มโอกาสสัมผัสรังสีไอออไนซ์มากขึ้น ผลที่ตามมาก็คือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการพัฒนาสู่การเป็นมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้มีสัดส่วนน้อยมาก ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เดินทางโดยเที่ยวบินไปกลับจากฮ่องกงไปยังนิวยอร์กทุก ๆ สองสัปดาห์ เป็นเวลา 20 ปี ความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากมะเร็งของบุคคลคนนี้จะอยู่ระหว่าง 23.11% และ 23.14%  หากพิจารณาว่ามะเร็งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติคิดได้เป็น 23% ของสัดส่วนการเสียชีวิตในประเทศที่พัฒนาแล้วหลาย ๆ แห่ง ข้อมูลนี้ก็หมายความว่าความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5% ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจจะถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้

นอกจากนี้ ยังมีคำถามเกี่ยวกับผลกระทบของรังสีคอสมิกต่อผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และสุขภาพของทารกในครรภ์ จากความรู้ในปัจจุบัน รังสีในปริมาณจำกัดที่ได้รับในระหว่างการเดินทางเป็นครั้งคราวในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ จะมีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยต่อทารกในครรภ์

 

รังสีคอสมิกบนเที่ยวบิน

ปริมาณรังสีมีการการตรวจวัดในหน่วย milliSieverts (mSv) เที่ยวบินส่วนใหญ่ของสายการบิน Cathay Pacific เริ่มต้นหรือสิ้นสุดที่เส้นละติจูดต่ำ ดังนั้น ด้วยเหตุผลนี้เราจึงโชคดีกว่าสายการบินที่มีฐานการบินที่ตั้งอยู่ที่เส้นละติจูดสูงกว่า ค่าประมาณของปริมาณรังสีสำหรับแต่ละเที่ยวบินนั้น จะดูได้จากเว็บไซต์ เช่นตามข้อมูลนี้:

http://www.faa.gov/data_research/research/med_humanfacs/aeromedical/radiobiology/cari6/download/


หลักเกณฑ์เกี่ยวกับข้อจำกัดของปริมาณรังสี

โดยทั่วไปแล้ว หน่วยงานระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องในการป้องกันรังสี จะแนะนำระดับรังสีไว้ที่ 20 mSv ต่อปี สำหรับความเสี่ยงในเชิงอาชีพของเที่ยวบินโดยสารพาณิชย์ (เช่น นักบินและลูกเรือ) และ 1 mSv ต่อปีสำหรับบุคคลทั่วไปบนเที่ยวบินโดยสารพาณิชย์ (รวมถึงการเดินทางเมื่อตั้งครรภ์)

หากเกิดเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ขึ้นบนเครื่องบิน เราได้ทำข้อตกลงกับผู้ให้บริการคำปรึกษาทางการแพทย์ภาคพื้น เพื่อให้บริการทางการแพทย์ระยะไกล (Telemedicine) สำหรับลูกเรือของเรา บริการนี้จะให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา หากมีการเปลี่ยนเส้นทางบินเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญได้ทันท่วงที องค์กรนี้ก็จะทำเรื่องรับตัวผู้โดยสารเข้ารักษาและติดตามผลอย่างเหมาะสม

เครื่องบินของเรามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ครบถ้วน พร้อมทั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจสำหรับไว้ให้ลูกเรือของเราใช้งาน เรายังมีการจัดเตรียมถึงออกซิเจนขนาดเล็กขึ้นเครื่องไปด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินสำหรับผู้โดยสารที่ประสบปัญหาในการหายใจ แต่หากท่านมีปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจอยู่ก่อนแล้ว โปรดแจ้งให้ฝ่ายดูแลลูกค้าของเราทราบล่วงหน้า เพื่อที่เราจะได้จัดเตรียมออกซิเจนเพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัย ห้ามผู้โดยสารนำถังออกซิเจนของตนเองขึ้นเครื่อง

ภาวะเมาเครื่องบินมีสาเหตุจากการทำงานขัดกันระหว่างประสาทสัมผัสการมองเห็นของร่างกาย กับประสาทสัมผัสของสภาวะสมดุล และอาจจะมีอาการแย่ลงในช่วงที่เครื่องบินตกหลุมอากาศ ภาวะนี้สามารถบรรเทาลงได้โดยการจ้องที่วัตถุไม่เคลื่อนที่ หากท่านมักจะมีภาวะเมาเครื่องบิน ควรพยายามจองที่นั่งริมหน้าต่าง เนื่องจากการจ้องไปยังพื้นดิน ท้องทะเล หรือเส้นขอบฟ้าอาจช่วยบรรเทาอาการได้ ที่นั่งส่วนกลางใกล้ส่วนปีกของเครื่องบินเป็นที่นั่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มักจะมีภาวะเมาอากาศ ทั้งนี้ เราได้จัดเตรียมถุงอาเจียนไว้บนเครื่องบินด้วย นอกจากนี้ ยารักษาอาการจำนวนมากสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยเราขอแนะนำให้ท่านผู้โดยสารปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยาที่เหมาะสม

เที่ยวบินของเราทั้งหมดเป็นเที่ยวบินปลอดบุหรี่ ดังนั้นระดับของสารมลพิษทางอากาศจึงต่ำกว่าระดับของถนนในเมืองส่วนใหญ่อยู่มาก อากาศบริสุทธิ์จะถูกเพิ่มเข้าสู่อากาศที่นำกลับมาใช้ใหม่โดยส่งผ่านทางตัวกรองคุณภาพสูงในการกำจัดฝุ่น ไวรัส เชื้อรา และแบคทีเรีย และถูกส่งขึ้นไปยังด้านบนของห้องโดยสารและถูกกรองไว้ที่ระดับพื้นเครื่องบินเพื่อเก็บอนุภาคไว้ด้านล่างซึ่งไกลจากพื้นที่สำหรับหายใจ

อากาศภายในห้องโดยสารนี้มีความชื้นต่ำ แต่ไม่แห้งเกินกว่าพื้นที่หลายๆ ส่วนของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีทะเลทราย ซึ่งไม่ก่อปัญหาต่อผู้โดยสารส่วนใหญ่ แต่บางท่านอาจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเนื่องจากผิว ตาและจมูกแห้ง ปกติแล้วมอยซ์เจอไรเซอร์ เครื่องฉีดน้ำ และน้ำตาเทียมจะช่วยได้ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่ใส่คอนแทคเลนส์ไม่มีปัญหาบนเครื่องบิน แต่บางคนจะรู้สึกอึดอัดและเลือกที่จะสวมแว่นสายตาแทน

แผ่นกรอง HEPA และเทคโนโลยีหมุนเวียนอากาศของเราช่วยให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพอากาศที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

  • สามารขจัดสิ่งปนเปื้อนในอากาศได้ถึง 99.9%
  • ทำการหมุนเวียนอากาศทุก ๆ สองนาที
  • นําเสนอประสิทธิภาพในระดับเดียวกับที่ใช้ในการดูแลรักษาอากาศให้สะอาดปลอดเชื้อในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลและห้องปลอดเชื้อทางอุตสาหกรรม


เรายังคงดำเนินมาตรการทุกอย่างเพื่อดูแลปกป้องสุขภาพของท่าน

  • การฆ่าเชื้อบนพื้นผิวทั้งหมดโดยละเอียด (ตั้งแต่หน้าจอบนเครื่องบินไปจนถึงระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศ) ระหว่างเที่ยวบินทั้งหมด
  • ท่านไม่จําเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่บนเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารและลูกเรืออาจเลือกที่จะสวมหน้ากากอนามัยต่อไป และเราเคารพในการตัดสินใจของทุกท่าน

สุขภาพและความปลอดภัยของผู้โดยสารและพนักงานของเราคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา ดังนั้นเราจึงได้วางขั้นตอนการปฏิบัติบางขั้นตอนไว้เพื่อเป็นการรับรองถึงการเตรียมความพร้อม ในกรณีที่มีการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง

 

การปกป้องผู้โดยสาร

เราขอให้ผู้โดยสารทุกท่านที่ป่วยเป็นโรคติดต่อซึ่งเป็นอันตรายโดยตรงแก่บุคคลอื่นต้องมีเอกสารการรับรองทางการแพทย์ ในกรณีที่สภาพของผู้โดยสารดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเป็นภัยต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้โดยสารอื่นหรือลูกเรือ ผู้โดยสารเหล่านี้อาจไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางทางอากาศ เว้นแต่หรือจนกว่าสภาพดังกล่าวนั้ได้ถูกกำจัดให้หมดไปแล้ว ขั้นตอนเหล่านี้ยังได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกเรือ ในกรณีที่ลูกเรือต้องรับมือกับผู้โดยสารบนเครื่องบินที่ถูกสงสัยว่ามีการติดเชื้อใดๆ มาก็ตาม หลักเกณฑ์เหล่านี้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลกและสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) สำหรับพนักงานสายการบินและผู้โดยสารโดยเฉพาะ

 

สุขอนามัยในห้องโดยสาร

เราใช้มาตรฐานสูงสุดในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในห้องโดยสาร ที่นั่ง ห้องครัว และห้องน้ำบนเครื่องบิน ขั้นตอนต่างๆ ในการทำความสะอาดสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ออกโดยหน่วยงานกำกับดูแลและสุขภาพระหว่างประเทศหลายๆ แห่ง

 

อากาศสะอาด

เราใช้ระบบการกรอง HEPA (ระบบการดักจับอนุภาคเชื้อไวรัสและเชื้อโรคประสิทธิภาพสูง) ที่สามารถทำการกรองอนุภาคของฝุ่นละอองและการปนเปื้อนทางอากาศได้ 99.999% เพื่อรับรองว่าอากาศภายในห้องโดยสารมีคุณภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

มาตรการอื่นๆ

เรายังคงตรวจสอบและบังคับใช้ขั้นตอนต่าง ๆ ด้านสุขภาพทั้งหมดที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่จัดทำไว้โดยหน่วยงานที่มีอำนาจในด้านกฎหมาย ด้านอุตสาหกรรม และด้านสุขภาพ

เราส่งเสริมให้พนักงานของเรามีความรู้ความเข้าใจในด้านสาธารณสุข รวมถึงมาตรการต่าง ๆ เช่น การรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ การบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง และการรับทราบข้อมูลล่าสุดเกียวกับโรคติดต่อและเคล็ดลับการดูแลสุขภาพเป็นประจำจากแผนกการแพทย์ของกลุ่มบริษัทของเรา

การทำความเข้าใจว่าแรงกดอากาศส่งผลอย่างไรต่อร่างกายในระหว่างเที่ยวบิน จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย เที่ยวบินโดยสารมักจะบินในระดับที่มีความสูง และแม้ว่าจะได้รับการปรับความกดอากาศ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่รักษาความดันที่ระดับน้ำทะเลไว้ เครื่องบินส่วนใหญ่รักษาระดับความดันไว้ที่ 6,000-8,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล การลดลงของแรงกดอากาศทำให้ก๊าซเกิดการขยายตัวในระดับที่เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากระดับน้ำทะเลจนถึง 8,000 ฟุต

 

หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีก๊าซก่อนเที่ยวบิน

ร่างกายมนุษย์มีก๊าซปริมาณมาก รวมทั้งก๊าซที่ก่อตัวในกระเพาะและลำไส้ระหว่างการย่อย การขยายตัวของก๊าซในกระเพาะหรือลำไส้อาจทำให้เกิดความอึดอัด ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่ก่อให้เกิดก๊าซ เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี น้ำอัดลมและเบียร์ก่อนเที่ยวบินของท่าน

 

กลืนน้ำลายและหาวเพื่อลดความดันในหู

อากาศในช่องหูตอนกลางขยายตัวและหดตัวโดยมีการเปลี่ยนแปลงตามระดับความดันอากาศ หากแรงดันในแก้วหูทั้งสองฝั่งไม่เท่ากัน จะทำให้แก้วหูขยายตัวและทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือสูญเสียการได้ยินไปชั่วขณะ เราอาจจะปรับแรงดันในหูชั้นกลางให้เท่ากันได้โดยการกลืนน้ำลายหรือการหาว ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจะเป็นการปล่อยอากาศเข้าสู่หูชั้นกลางผ่านท่อยูสเตเชียน ให้ออกไปยังพื้นที่ว่างข้างหลังจมูก (ช่องจมูก) ปกติแล้วท่อนี้อยู่ในลักษณะหดตัว แต่สามารถเปิดได้เล็กน้อยโดยการกลืนน้ำลายหรือหาว แต่ในขณะที่เครื่องบินกำลังลดระดับและความดันเพิ่มขึ้น ความดันที่ต่ำกว่าในท่อมีโอกาสที่จะทำให้ท่อยังคงหดตัวอยู่ ส่งผลให้ความดันในช่องหูตอนกลางต่ำกว่าภายนอก จึงทำให้รู้สึกไม่สบายหูหรือมีอาการเจ็บภายในหู

การเปิดท่อสามารถทำได้โดยการกลืนน้ำลาย หรือหาว การดันลมด้วยวิธี Valsalva (การปิดปาก บีบจมูก และหายใจออกแรงๆ เพื่อสร้างแรงดันภายในปากและจมูก) หรือดันลมด้วยวิธี Toynbee (การปิดปาก บีบจมูก และกลืนน้ำลาย)

 

รักษาอาการคัดจมูก

ไซนัสเป็นโพรงอากาศในกระดูกส่วนหน้าและกระโหลก และเชื่อมกับโพรงหลังจมูกโดยมีช่องเล็กๆ คั่น หากช่องเล็กเหล่านี้ถูกรบกวนโดยอาการคัดจมูก อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดขณะเครื่องลง การทำ Valsalva อาจช่วยได้ แต่จะเป็นการดีกว่าที่จะไม่เดินทางโดยเครื่องบินเมื่อมีอาการคัดจมูก เป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้ละอองฟาง หรือไซนัสอักเสบ อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องเดินทางโดยเครื่องบิน การใช้สเปรย์ลดการคัดจมูกก่อนเครื่องขึ้น และก่อนเครื่องลงอาจช่วยป้องกันปัญหานี้ได้

 

ควรรอก่อนหลังจากรับการรักษาทางทันตกรรม

อาการเจ็บปวดขณะเครื่องบินขึ้น อาจเกิดจากการขยายของแก๊สในฟันที่เพิ่งอุดใหม่ หรือจากอาการฟันผุหรือมีแผลในช่องปาก ดังนั้น จึงเป็นการดีกว่าหากสามารถหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเครื่องบินเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังได้รับการรักษาทางทันตกรรมหรือหากท่านมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน

ข้อความสงวนสิทธิ์

เนื้อหาข้างต้นที่ได้รับจาก Cathay Pacific นั้นมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านข้อมูลเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ผู้ใดใช้ข้อมูล คัดลอก หรือเผยแพร่ซ้ำ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตไว้อย่างชัดเจนจาก Cathay Pacific Cathay Pacific ได้ทบทวนเนื้อหาและตรวจสอบในทุกขั้นตอนและพิจารณาอย่างมีเหตุผลและรับรองความถูกต้องของเนื้อหา เราไม่รับรองความครอบคลุมของเนื้อหาในหัวข้อที่กล่าวถึง และข้อมูลไม่สามารถเชื่อถือได้ด้วยบุคคลใดที่อาจมีความสนใจในหัวข้อดังกล่าว เนื้อหาไม่สามารถใช้ในการปฏิบัติหรือใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์โดยบุคคลใดที่เกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าว เราขอแนะนำและสนับสนุนให้บุคคลที่สนใจเรื่องดังกล่าวนี้ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณวุฒิ (แพทย์หรืออื่นๆ) สำหรับข้อกังวลใดก็ตามที่ตนมีเกี่ยวกับเนื้อหาของเรื่องดังกล่าว